เพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับศิลปินได้แสดงออกถึงแนวคิดและเทคนิคผ่านผลงานศิลปะ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (The Creative District and Bangkok Art and Culture Center) ให้ความสำคัญกับรสนิยมคนเมืองยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนชีวิตด้วยศิลปะการออกแบบที่สวยงาม อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2543 สมเด็จพระนางสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชดำริสนับสนุนศิลปินไทยโดยเฉพาะศิลปินรุ่นใหม่ที่มีผลงานดีแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ณ บริเวณ ด้านเหนือของเกาะรัตนโกสินทร์ โดยเริ่มต้นมาจาก การจัดโครงการประกวดวาดภาพ ของมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ ที่จัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ศิลปินผู้ชนะการแข่งขันจากโครงการอันทรงเกียรตินี้ ต่างก็ได้กลายเป็นศิลปินผู้มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ
งานประกวด ในปี พ.ศ. 2544 สมเด็จพระนางสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมาในงานพระราชทานรางวัลและทอดพระเนตรผลงานของศิลปินที่เข้าร่วมประกวด และทรงเล็กเห็นว่าศิลปินไทยยังขาดพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย จึงทรงมีพระราชดำริจัดหาสถานที่จัดแสดงให้กับศิลปินไทย ธนาคารกรุงเทพฯ จึงน้อมเกล้าฯ ถวายอาคารที่ทำการเดิมของธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานผ่านฟ้า สนองพระราชดำริ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงถือกำเนิดขึ้นในครั้งนั้น และเปิดทำการเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ.2546 บนพื้นที่ 3,700 ตร.ม. ของอาคารสีขาว สูง 5 ชั้น
ภายนอกอาคารแม้จะดูนิ่งเรียบแต่โดดเด่นด้วยตัวสถาปัตยกรรมของตัวอาคารสไตล์โมเดิร์น ภายในอาคาร ประกอบด้วยห้องจัดแสดงนิทรรศการของศิลปินไทยขนาดใหญ่ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนจัดแสดงผลงานศิลปินไทยรุ่นใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และส่วนจัดแสดงผลงานของศิลปินอาวุโสที่ได้รับการยกย่อง
หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงเป็นเสมือนสถานที่ที่ผู้คนจะสามารถสัมผัสได้ถึงหัวใจของศิลปินไทยและศิลปะแบบร่วมสมัยของไทย