ว่ากันว่าชุมชนที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม ต่างก็มีบุคคลิกของตัวมันเอง ชุมชนก็เหมือนสิ่งมีชีวิต ที่ค่อยๆเปลี่ยนตามกาลเวลา ผลิบาน เติบโตสู่ช่วงวัยรุ่น และสุดท้ายค่อยๆแก่ชราเงียบสงบลง เช่นเดียวกับชุมชนที่มีมายาวนานอย่างบางรักและคลองสานของเราที่ผ่านช่วงวัยที่คึกคัก เข้าสู่ความเงียบสงบเหงาหงอย แต่ชุมชนริมน้ำเก่าแก่แห่งนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการอีกครั้ง เนื่องจากการคนรุ่นใหม่ นักออกแบบ และศิลปิน ต่างทยอยเข้ามาจับจองอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น และนำเอาสีสันพร้อมกับความมีชีวิตชีวากลับสู่ชุมชนบางรัก-คลองสานภายใต้ชื่อ The Creative District
ตลอดความยาวของเจริญกรุง (ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ) และเจริญนคร (ฝั่งตะวันตกของเจ้าพระยา) เริ่มมีธุรกิจร้านอาหารเปิดขึ้นมาใหม่ โรงแรมบูติกเล็กๆ น้อยห้องแต่สวยงามก็เริ่มมีให้เห็นกัน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมหรูใหญ่โตตระหง่าน, ที่สำคัญ เริ่มจะมีแกลเลอรี่ศิลปะเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งมีเครือข่ายระหว่างแกลเลอรี่ในพื้นที่ ที่จัดกิจกรรมคืนทัวร์ชมแกลเลอรี่ (gallery hop) ซึ่งมีเป็นประจำทุกเดือน และมีแนวโน้มที่จะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นทางเลือกใหม่ที่สดชื่น สำหรับนักเดินทางท่องเที่ยว ที่เบื่อความวุ่นวายของเมืองใหม่ และการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ
เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูในวงกว้างขึ้น ทางกระทรวงว่าการกรุงเทพมหานคร (Bangkok Metropolitan Administration) ได้ร่วมมือกับนักพัฒนารุ่นใหม่ เพื่อบำรุงซ่อมแซมอาคารเก่าหลายๆแห่งในพื้นที่ ซึ่งอาคารโบราณเหล่านี้ จะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของชุมชน วิธีที่ดีที่สุดสำหรับท่องเที่ยวชมพื้นที่คือการเดินหรือขี่จักรยาน คุณจะได้ชมการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันและไทยจากสิ่งก่อสร้างหลายๆแห่งที่หลงเหลืออยู่ เนื่องจากตั้งแต่สมัยที่ไทยเราได้เริ่มติดต่อทำการค้ากับตะวันตก เจริญกรุง-เจริญนครคือท่าน้ำที่สำคัญ คือประตูสู่ประเทศไทย เราจะยังคงเห็นบ้านสวยๆของยุคสมัยนั้น อาคารหลังใหญ่ที่เคยเป็นคลังสินค้า อาคารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ติดต่อทำการค้าของประเทศต่างๆ หรือแม้กระทั่งคฤหาสน์หลังงามที่เคยใช้เป็นสถานฑูต ชุมชนท่าน้ำนี้รองรับแขกผู้อาศัยจากนานาประเทศ หลากหลายศาสนา ปัจจุบันยังคงเห็นวัดไทย โบสถ์คริสต์ มัสยิต ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกัน และยังคงใช้เป็นที่บำเพ็ญภาวนาตามศาสนาของคนในชุมชนไม่ได้เปลี่ยนแปลง และอยู่ด้วยความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน