ในปีช่วงปี ค.ศ. 1500 ชาวโปรตุเกสได้ลงนามในสนธิสัญญากับอยุธยา เพื่อนำไปสู่ศตวรรษแห่งมิตรภาพ ชาวโปรตุเกสต้องหาอาวุธปืน ให้กับชาวสยามเพื่อแลกกับสิทธิในการใช้ชีวิต ทำงาน และพักในเมืองไทย และยังรวมไปถึงเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนา เมื่อมีการล่มสลายของอยุธยาในปี ค.ศ. 1767 ชาวโปรตุเกสยังคงสนับสนุนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในการผลักดันชาวพม่าออกจากแผ่นดินสยาม แม้กระทั่งยังตามสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไปยังเมืองหลวงใหม่ในปัจจุบันที่กรุงเทพฯ
เมื่อเดินทางมาถึง ชาวโปรตุเกสก็ได้รับที่ดินเพื่อสร้างชุมชนตนเอง โบสถ์ซานตาครูซบนฝั่งธนบุรีได้ถูกก่อตั้งขึ้นและกลายเป็นศูนย์คาทอลิกอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานชาวโปรตุเกสก็แตกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งตัดสินใจที่จะทำตามผู้นำของพระสงฆ์ฝรั่งเศสที่ก่อตั้งโบสถ์ซานตาครูซในธนบุรี ขณะที่อีกลุ่มหนึ่งก็ปฏิเสธที่จะร่วมด้วย และต้องการไปตามทางของตน และในที่สุดก็ได้สร้างวัดแม่พระลูกประคำ(กาลหว่าร์)บนฝั่งตรงข้าม
จากรูปร่างของโบสถ์ซานตาครูซ เป็นเหตุผลที่ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีชื่อได้มาถึงปัจจุบันนี้ สถาปัตยกรรมที่มีอิทธิพลมาจากชาวจีน ทำให้ชาวบ้านตั้งฉายาให้โบสถ์นี้ว่า กุฎีจีน หมายถึง “คริสตจักรจีน” วันนี้ถ้าคุณเห็นคริสตจักรแห่งนี้คุณจะตื่นตาตื่นใจไปกับคุณสมบัติและประวัติความเป็นมาของสถานที่นี้ ทำความแน่ใจว่าได้สำรวจตรอกซอกซอยอันคดเคี้ยวในย่านของที่มีเสน่ห์ของกุฎีจีน คุณจะพบขนมฝรั่งกุฎีจีน ซึ่งชาวโปรตุเกสได้มีอิทธิพลในการอบขนมหวาน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างโปรตุเกสและสยาม