กัปตันบุช
ชื่อของกัปตันจอห์นบุชไม่ได้เป็นเพียงคำร่ำลือเท่านั้น เขามีตัวตนอยู่จริงในยุคเดียวกันกับ แอนนา ลีโอโนเวนส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปจากเรื่อง “แอนนาและกษัตริย์แห่งสยาม” แอนนาพบเขาครั้งแรกเมื่อเขา แล่นเรือออกไปเพื่อรับเธอและลูกชายวัย 6 ขวบ ในคืนวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2405 แต่เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ แอนนาก็พบว่าไม่มีใครจัดการเตรียมที่พักให้เธอเลย กัปตันบุชจึงได้เสนอให้เธอและลูกชายไปพักที่บ้านริมน้ำของเขาก่อน
แอนนาได้บรรยายถึงกัปตันบุชในหนังสือที่เธอเขียนไว้ว่า เขาเป็นสุภาพบุรุษชาวอังกฤษ มีใบหน้ากลมแดงเหมือนผลเชอรรี่ ทั้งเขาและภรรยามีน้ำใจต่อเธอมาก
ฉันได้มีโอกาสมาพักอยู่ในจุดที่เคยเป็นบ้านของกัปตันบุช ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นที่ตั้งของโรงแรมรอยัลออร์คิดเชอราตัน สถานที่ที่ฉันมักใช้เวลาอยู่ที่ซะมากก็จะเป็น คลับเลาจน์ชั้น 27 ของโรงแรม ซึ่งถ้ากัปตันได้มายืนอยู่ที่นี่แล้วมองดูวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เขาคงประทับใจมากเลยทีเดียว และฉันก็ได้ลองไปนั่งเล่นดูวิวข้างล่างถึงร้าน Sambal ที่ที่ฉันนั่งบนดาดฟ้ามองดูเรือบรรทุกข้าวล่องผ่านไปมา ซึ่งคงไม่ได้แตกต่างจากสมัยนั้นมาก และกัปตันก็คงรู้จักที่นี่ดี ริมฝั่งแม่น้ำที่ทอดยาวไปนี้เป็นแหล่งชุมชนชาวยุโรปที่มาตั้งรกรากอยู่ในกรุงเทพฯ สมัยช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 ช่วงเวลาเดียวกับการลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริงในปี พ.ศ. 2398 ซึ่งเป็นการเปิดการค้าเสรีระหว่างสยามกับฝั่งตะวันตก ฉันได้เดินไปตามทางที่คดเคี้ยวลงไปถึงแม่น้ำ แล้วก็พอสิ่งปลูกสร้างที่กัปตันอาจจะคุ้นเคยดี ฉันได้พบด่านศุลกากรสมัยก่อนที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อ โจอาคิม กราซซี่ สมัยนั้นอาคารนี้เป็นอาคารที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ได้ถูกปล่อยให้รกร้าง แม้แต่นักดับเพลิงบางรักที่เคยใช้เป็นที่พักอาศัยก็ต่างพากันย้ายออกไป และเมื่อฉันได้เดินเข้าไปในห้องโถง ฉันก็ได้พบกับกลุ่มถ่ายภาพแฟชั่นที่กำลังถ่ายแบบหญิงสาวสวยชาวยุโรปโดยใช้ผนังขรุขระและบันไดไม้สักซีดๆ เป็นพื้นหลังอยู่ จากนั้นเดินไปทางที่ผ่านสถานทูตฝรั่งเศส เราก็ได้มาอยู่ท่ามกลางอาคารประวัติศาสตร์ ที่มีโรงแรมโอเรียนเต็ล สำนักงานของบริษัทเอเซียตะวันออก (เจ้าของเดียวกับโรงแรมโอเรียนเต็ล) และวิหารอัสสัมชัน ในซอยนั้นมีร้านค้าหลายร้านที่ได้รับการดัดแปลงเป็นร้านอาหาร เช่นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงอย่าง ทังไทย และ ออดส์ ร๊อค สเต้ก (Odds Rock Steak) นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีอาคารประวัติศาสตร์อื่นๆ อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดสวนพลู ซึ่งเป็นที่โด่งดังในเรื่องความงามของกุฏิไม้ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มัสยิดบ้านอู่ที่ก่อตั้งโดยชาวมุสลิมที่เข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 4 โบสถ์วัดยานนาวาที่สร้างขึ้นโดยให้มีลักษณะคล้ายกับเรือบรรทุกสินค้าจีนสมัยรัชกาลที่ 3 และเราก็ได้รำลึกถึงกัปตันบุชอีกครั้งที่อู่เรือกรุงเทพฯ ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นส่วนในปี พ.ศ. 2408 และเมื่อถึงวาระสุดท้ายสถานที่พำนักของกัปตันเป็นสุสานโปรเตสแตนต์ ถนนเจริญกรุง ร่างของเขาถูกฝังในปี พ.ศ. 2448 ภายใต้เสาหินโบราณซึ่งมีคำจารึกโดยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5